Page 19 - E-MAGAZINE_VOL_17
P. 19
โครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์ โครงการแพทย์ หู คอ จมูกและโรคภูมิแพ้พระราชทาน
โครงการตามพระราชประสงค์ หมายถึง โครงการที่ทรงศึกษาปฏิบัติ เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ เนื่องจากมีราษฎรจ�านวนมากที่เจ็บป่วย
ส่วนพระองค์กับผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์สาขาต่างๆ เมื่อได้ผลดีแล้วจึงทรงน�า ด้วยโรคหู คอ จมูกและโรคภูมิแพ้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดหน่วยแพทย์
มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยโครงการแพทย์พิเศษตามพระราช อาสาสมัครผลัดกันออกไปปฏิบัติหน้าที่ประจ�าโรงพยาบาลประจ�าจังหวัดที่
ประสงค์ เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่นิคม เสด็จแปรพระราชฐาน โดยอาศัยแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
สร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อ�าเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส นิคมนี้มีสถานีอนามัย รามาธิบดี ราชวิถี โรงพยาบาลประจ�าจังหวัดนครราชสีมาและโรงพยาบาล
เพียงแห่งเดียว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดแพทย์ ประจ�าจังหวัดนครพนม ผลัดเปลี่ยนกันมาปฏิบัติราชการชุดละ ๒ สัปดาห์
หมุนเวียนเข้าไปบริการตรวจรักษา แพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล เริ่มที่จังหวัดนราธิวาสก่อน ต่อมาขยายการปฏิบัติงานไปที่จังหวัดสกลนคร
นราธิวาส และโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ออกไปปฏิบัติการสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง และที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่
เป็นประจ�า
โครงการอบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์
หน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่พระราชทาน ความเจ็บป่วยของราษฎรเกิดจากการไม่ได้รับการรักษาพยาบาล
ในปี ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ถูกต้อง ประกอบกับไม่มีสถานพยาบาลอยู่ใกล้ บ้างก็เกิดจากการบริโภค
ได้ทรงมีพระราชปรารภว่า “เวลาพระองค์มีปัญหาเกี่ยวกับฟันก็มีทันตแพทย์ อาหารไม่ถูกสุขลักษณะ จึงมีพระราชด�าริจัดตั้งโครงการอบรมหมอหมู่บ้าน
ดูแลรักษา แล้วเวลาราษฎรที่อยู่ห่างไกลจะมีทันตแพทย์ช่วยรักษาหรือเปล่า” ในพระราชประสงค์ โดยคัดเลือกคนในหมู่บ้านรับการฝึกอบรมการรักษา
ในเวลาต่อมา ทรงทราบว่าทันตแพทย์นั้นมีน้อยและมีอยู่ตาม พยาบาลเบื้องต้น การรักษาโรคอย่างง่าย เพื่อสามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วม
โรงพยาบาลประจ�าจังหวัดเท่านั้น บางจังหวัดก็ไม่มี พระองค์ทรงรับสั่งว่า หมู่บ้านได้ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เริ่มบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่
“การที่จะให้ราษฎรที่ยากจนที่มีปัญหาเรื่องฟัน หยุดการท�านาท�าไร่ เดิน นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อ�าเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาสพระบาทสมเด็จ
ทางไปหาแพทย์นั้น เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ในทางตรงกันข้าม หากเป็นการให้ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราโชวาทแก่ผู้ส�าเร็จการศึกษา
บริการเคลื่อนที่ไปสู่ประชาชน ก็จะเป็นการแก้ปัญหาได้ทางหนึ่ง” สาขาแพทยศาสตร์ตอนหนึ่งว่า “จึงใคร่ขอร้องให้ทุกๆ คนตั้งใจและพยายาม
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงตรัสแก่ ปฏิบัติหน้าที่ให้ได้ผลสมบูรณ์จริงๆ อย่าปล่อยให้ก�าลังของชาติต้องเสื่อม
ทันตแพทย์สี สิริสิงห์ ทันตแพทย์ประจ�าพระองค์ว่า “ฉันต้องการให้หมอ ถอยลงเพราะประชาชนเสียสุขภาพอนามัย”
ช่วยไปดูแลบ�าบัดทุกข์ให้แก่นักเรียนและประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นกันดาร นับเป็นพระราชด�ารัสที่แสดงถึงความตั้งพระทัยในการแก้ไขปัญหา
ห่างไกลหมอ และจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดตามความจ�าเป็นโดยให้จัด ด้านสุขภาพอนามัยของราษฎรอย่างแท้จริง ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่า พระบาท
หน่วยเคลื่อนที่ไปโดยรถยนต์และตระเวนไปตามถนนหนทาง ตามหมู่บ้าน สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงยึดมั่นที่จะสืบทอดพระราช
ที่อยู่ห่างไกลชนบท” ปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์และสมเด็จ
หน่วยทันตกรรมพระราชทานจึงก่อก�าเนิดขึ้น พระบาทสมเด็จ พระบรมราชชนนี พระมารดาของการแพทย์ชนบท ในการที่จะให้ประชาชน
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ชาวไทยได้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อเป็นก�าลังส�าคัญใน
จัดซื้อรถยนต์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือท�าฟัน มีทันตแพทย์อาสาออก การพัฒนาประเทศชาติสืบไป
ปฏิบัติงาน โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๑๒ โดยมี ทันตแพทย์ สี สิริสิงห์ เป็น
หัวหน้าทีม เพื่อส่งทันตแพทย์อาสาสมัครออกช่วยเหลือบ�าบัดโรคเกี่ยวกับ
ฟัน ตลอดจนสอนการรักษาอนามัยของปากและฟันแก่เด็ก นักเรียนและ
ประชาชนที่อยู่ในท้องที่ทุรกันดาร
โครงการศัลยแพทย์อาสาราชวิทยาลัย
ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ แพทย์อาสาสมัครซึ่งเป็นแพทย์อาวุโสและ
มากประสบการณ์เล็งเห็นความส�าคัญและจ�าเป็นที่จะต้องมีศัลยแพทย์ไป
ช่วยปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลประจ�าจังหวัดสกลนคร ในช่วงที่พระบาท
สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จแปรพระราชฐานประทับที่
พระต�าหนักภูพานราชนิเวศน์ จึงได้มีการศึกษาหาข้อมูลและความต้องการ
ของโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ ในด้านศัลยกรรมและรวบรวมจัดท�า
ท�าเนียบศัลยแพทย์อาสา แล้วก่อตั้งวิทยาลัยศัลยแพทย์ขึ้น ภายหลัง
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับวิทยาลัย
ศัลยแพทย์ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์และเปลี่ยนชื่อเป็น “ราชวิทยาลัย
ศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย”
ที่มา : ชมรมจริยธรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
I-TEL | 16