Page 11 - E-MAGAZINE_VOL_46
P. 11
I - Trend | กองบรรณาธิการ
มาท�าความรู้จักกับ
PDPA
พ.ร.บ. คุ้มครอง
ข้อมูลส่วนบุคคล
ในสังคมยุคดิจิทัลส่งผลให้ผู้คนเข้าสู่สังคมออนไลน์กันมากขึ้น จึงท�าให้ข้อมูลต่างๆ ถูกบันทึกและจัดเก็บอยู่ในระบบข้อมูล
จ�านวนมาก ซึ่งผู้ใช้งานไม่สามารถทราบได้เลยว่าผู้ให้บริการออนไลน์จะน�าข้อมูลไปท�าอะไรบ้าง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
ของผู้บริโภคจึงมีการออกกฎหมายต่างๆ ที่สามารถคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความปลอดภัยสูงสุด
PDPA (Personal Data Protection Act, B.E. 2562 (2019)) โดยข้อมูลต่างๆ ถูกส่งให้หน่วยงานหรือองค์กรเพื่อไปใช้ประโยชน์ เนื้อหาและวัตถุประสงค์ของกฎหมายถือว่าดีส�าหรับประชาชน
คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งได้ประกาศ เช่น การได้รับโทรศัพท์ติดต่อเพื่อเสนอขายสินค้าทางโทรศัพท์ ทั้งๆ ที่ เพราะเป้าหมายคือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเราไม่เคยได้รับ
ในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อ 27 พฤษภาคม 2562 และมีผลบังคับใช้ ผู้ใช้งานไม่เคยติดต่อกับองค์กรดังกล่าวเลย ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิ การคุ้มครองมาก่อน แต่เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดภายในของกฎหมาย
เมื่อ 28 พฤษภาคม 2562 แล้วในบางส่วน โดยวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ส่วนบุคคลของผู้ใช้งานกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะเข้ามา โดยเฉพาะมาตรา 4 ของกฎหมายฉบับนี้ที่มีข้อยกเว้นไม่ให้กฎหมาย
เป็นวันที่ พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายทั้งฉบับสาระส�าคัญของ แก้ไขปัญหานี้ โดยระบุให้องค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เก็บ ฉบับนี้มีผลบังคับใช้กับกิจการ 6 ประเภทคือการเก็บข้อมูล การใช้ข้อมูล
กฎหมายฉบับนี้คือ การให้ความคุ้มครองข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชน หรือ และการเปิดเผยข้อมูล เพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือกิจกรรมในครอบครัว,
เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หน่วยงานภาครัฐ ต้องไม่น�าเอาข้อมูลส่วนตัวของเราไปใช้ในกิจกรรมอื่นๆ การด�าเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รักษาความมั่นคงของรัฐ
ประวัติการท�างาน และข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึก ที่เราไม่ยินยอมองค์ประกอบของกฎหมายได้ก�าหนดให้ ผู้เก็บข้อมูล ซึ่งรวมถึง ความมั่นคงทางการคลังของรัฐ หรือการรักษาความปลอดภัย
ลักษณะเสียง เลขบัตรประชาชน หรือเลขหมายเอกสารส่วนตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ประกอบการเอกชนที่มีข้อมูล ของประชาชน รวมทั้งหน้าที่เกี่ยวกับ การป้องกันและปราบปรามการ อย่างไรก็ตามการที่ประเทศไทยเริ่มมีกฎหมายคุ้มครอง
โดยห้ามไม่ให้ผู้อื่นน�าข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพื่อประโยชน์ในด้านใดด้านหนึ่ง ส่วนบุคคลเป็นจ�านวนมาก หรือผู้ประกอบการที่มีกิจกรรมหลัก ฟอกเงิน นิติวิทยาศาสตร์ หรือการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์, ข้อมูลส่วนบุคคล ถือเป็นก้าวแรกของการปกป้องและคุ้มครองสิทธิขั้น
ที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอมให้น�าไปใช้ประโยชน์เนื่องจากปัจจุบันเรา คือ การเก็บข้อมูล การใช้ข้อมูล หรือการเปิดเผยข้อมูล ต้องจัดให้มี การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อกิจการสื่อมวลชน ศิลปกรรม หรือ พื้นฐานของคนไทย จากที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่วนการแก้ไขและปรับปรุง
ต้องติดต่อกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยใช้ “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” เป็นของตัวเอง ซึ่งอาจเป็น วรรณกรรม ตามจริยธรรมของวิชาชีพหรือเป็นประโยชน์สาธารณะ, เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในอนาคตไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ร่วมกันของ
ข้อมูลส่วนตัวในการติดต่อเพื่อท�าธุรกรรมต่างๆ เช่น การเปิดบัญชีเงินฝาก พนักงานของผู้ประกอบการนั้นๆ หรือเป็นผู้รับจ้างให้บริการ (Outsource) การท�างานของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ในการพิจารณา คนไทย เมื่อประเทศไทยก้าวข้ามไปสู่ยุคของเศรษฐกิจดิจิทัลที่ข้อมูล
กับสถาบันการเงิน ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องให้ข้อมูลส่วนตัวทั้งส�าเนา มีหน้าที่ในการจัดเก็บและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้รั่วไหล ตามอ�านาจหน้าที่, การพิจารณาคดีของศาล และเจ้าหน้าที่ในกระบวน มีส่วนส�าคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่จะออกแบบในการเลือกใช้
บัตรประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์เพื่อการเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร ไปยังบุคคลภายนอก เพื่อน�าไปใช้ในกิจกรรมที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ การยุติธรรม และการด�าเนินการกับข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตและ และยินยอมให้ใช้ข้อมูลกันในรูปแบบใด เป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาไปร่วมกัน
และผู้ใช้งานอนุญาตให้ใช้เพื่อเปิดบัญชีกับธนาคารเท่านั้น แต่สิ่งที่ผู้ใช้งาน ให้การยินยอมน�าไปใช้ สมาชิก เพื่อให้กฎหมายสมบูรณ์และเหมาะสมกับสังคมไทยในอนาคต
ต้องเผชิญในปัจจุบันคือ ข้อมูลดังกล่าวถูกน�าไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : ส�านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
8 | I-TEL I-TEL | 9