Page 23 - E-MAGAZINE_VOL_50
P. 23

I - Law | กองบรรณาธิการ













                 ต่อมาเจ้าหนี้อดีตสามีเป็นโจทก์น�าคดีมายื่นฟ้องลูกหนี้  ค�ำพิพำกษำย่อ
          อดีตภริยาเป็นจ�าเลยต่อศาลให้รับผิดช�าระหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าว     ศำลฎีกำวินิจฉัยว่ำข้อควำมที่โจทก์ส่งถึงจ�ำเลยทำงเฟสบุ๊ค
 การปลดหนี้  ซึ่งจากข้อเท็จจริงข้างต้นมีประเด็นปัญหาในทางกฎหมายว่า การที่  มีใจควำมว่ำ เงินทั้งหมด 670,000 บำท ไม่ต้องส่งคืนให้แล้ว

          เจ้าหนี้ส่งข้อความไปถึงลูกหนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กมีใจความว่า “เงินทั้งหมด
                                                              ยกให้หมดไม่ต้องส่งดอกอะไรมำให้ จะได้ไม่ต้องมีภำระหนี้สินติดตัว
 โดยส่งข้อความทางเฟซบุ๊ก  670,000 บำท ไม่ต้องส่งคืนให้แล้ว ยกให้หมดไม่ต้องส่งดอกอะไร  กำรส่งข้อมูลดังกล่ำวเป็นกำรสนทนำผ่ำนระบบเครือข่ำยอินเทอร์เน็ต
 มีผลทางกฎหมายอย่างไร  มำให้ จะได้ไม่ต้องมีภำระหนี้สินติดตัว” ถือว่าเจ้าหนี้ได้ปลดหนี้ให้แก่  ถือว่ำเป็นกำรส่งข้อมูลทำงอิเล็กทรอนิกส์ต้องน�ำ พระรำชบัญญัติ
          ลูกหนี้โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือท�าให้หนี้เงินกู้ยืมระงับไปหรือไม่เพราะ
                                                              ว่ำด้วยธุรกรรมทำงอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 มำใช้บังคับ ซึ่งตำม
          ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์มำตรำ 340 บัญญัติว่ำ   มำตรำ 7 บัญญัติว่ำ ห้ำมมิให้ปฏิเสธควำมมีผลผูกพันและกำรบังคับใช้
                 “ถ้ำเจ้ำหนี้แสดงเจตนำต่อลูกหนี้ว่ำจะปลดหนี้ให้ ท่ำนว่ำ  ทำงกฎหมำยของข้อควำมใดเพียงเพรำะเหตุที่ข้อควำมนั้นอยู่ในรูป
          หนี้นั้นก็เป็นอันระงับสิ้นไป                        ของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และมำตรำ 8 บัญญัติว่ำ ภำยใต้บังคับ
                 ถ้ำหนี้มีหนังสือเป็นหลักฐำน กำรปลดหนี้ก็ต้องท�ำเป็น  บทบัญญัติแห่งมำตรำ 9 ในกรณีที่กฎหมำยก�ำหนดให้กำรใด
          หนังสือด้วยหรือต้องเวนคืนเอกสำรอันเป็นหลักฐำนแห่งหนี้ให้แก่  ต้องท�ำเป็นหนังสือ มีหลักฐำนเป็นหนังสือ หรือมีเอกสำรมำแสดง
          ลูกหนี้ หรือขีดฆ่ำเอกสำรนั้นเสีย”                   ถ้ำได้มีกำรจัดท�ำข้อควำมขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สำมำรถ
                 ในที่สุดคดีได้ต่อสู้กันมาจนถึงชั้นศาลฎีกา ซึ่งศาลฎีกาท่านได้  เข้ำถึงและน�ำกลับมำใช้ได้โดยควำมหมำยไม่เปลี่ยนแปลง ให้ถือว่ำ
          วินิจฉัยประเด็นปัญหาดังกล่าวไว้นัยค�าพิพากษาศาลฎีกาที่ 6757/2560  ข้อควำมนั้นได้ท�ำเป็นหนังสือ มีหลักฐำนเป็นหนังสือ หรือมีเอกสำร
          โดยมีรายละเอียดค�าพิพากษาโดยย่อ ดังนี้              มำแสดงแล้ว ดังนั้นข้อควำมที่โจทก์ส่งถึงจ�ำเลยทำงเฟซบุ๊ก แม้จะ
                                                              ไม่มีกำรลงลำยมือชื่อโจทก์ก็ตำม แต่กำรส่งข้อควำมของโจทก์ทำง
    บทควำมฉบับที่แล้วได้น�ำเสนอประเด็นปัญหำทำงกฎหมำย กรณีกำรเบิกเงินสดจำกเครื่องเบิกถอนเงินอัตโนมัติ  เฟซบุ๊กจะปรำกฏชื่อผู้ส่งด้วยและโจทก์ก็ยอมรับว่ำได้ส่งข้อควำม
 จะถือเป็นกำรกู้ยืมและใช้เป็นหลักฐำนในกำรฟ้องร้องด�ำเนินคดีได้หรือไม่ ซึ่งศำลฎีกำได้วินิจฉัยประเด็นปัญหำดังกล่ำวไว้แล้ว  ทำงเฟซบุ๊กถึงจ�ำเลยจริง ข้อควำมกำรสนทนำจึงรับฟังได้ว่ำเป็นกำร
 โดยศำลฎีกำวินิจฉัยว่ำ “การที่จ�าเลยน�าบัตรกดเงินสดควิกแคชไปถอนเงินและส่งรหัสส่วนตัวเสมือนลงลายมือชื่อตนเอง  แสดงเจตนำปลดหนี้ให้แก่จ�ำเลยโดยมีหลักฐำนเป็นหนังสือตำม

 ท�ารายการถอนเงินตามที่จ�าเลยประสงค์และกดยืนยันท�ารายการพร้อมรับเงินสดและสลิปการกระท�าดังกล่าว  ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์มำตรำ 340 แล้ว หนี้ตำม
 จึงถือเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินจากโจทก์ ประกอบทั้งจ�าเลยมีการขอขยายระยะเวลาผ่อนช�าระหนี้สินเชื่อเงินสดควิกแคช  สัญญำกู้ยืมย่อมระงับ โจทก์ไม่อำจยกเหตุว่ำโจทก์ไม่มีเจตนำที่
 ที่จ�าเลยค้างช�าระแก่โจทก์รวม 11 รายการ โจทก์มีเอกสารซึ่งมีข้อความชัดว่าจ�าเลยรับว่าเป็นหนี้ โจทก์ขอขยาย  จะปลดหนี้ให้จ�ำเลย แต่ท�ำไปเพรำะควำมเครียดต้องกำรประชด
 เวลาช�าระหนี้โดยจ�าเลยลงลายมือชื่อท้ายเอกสารมาแสดงจึงรับฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้อีกโสดหนึ่งโจทก์  ประชันจ�ำเลยขึ้นอ้ำงเพื่อให้เจตนำที่แสดงออกไปตกเป็นโมฆะ
 จึงมีอ�านาจฟ้อง” ทั้งนี้ ตำมนัยค�ำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 8089/2556  เพรำะไม่ปรำกฏข้อเท็จจริงว่ำจ�ำเลยได้รู้ถึงเจตนำที่ซ่อนอยู่ภำยใน
                                                              ของโจทก์
    ส�าหรับบทความนี้จะขอน�าเสนอคดีที่เกิดขึ้นจริงส�าหรับ
 การท�านิติกรรมผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์และมีการน�าคดีขึ้นสู่
 การวินิจฉัยของศาลฎีกาอีกเรื่องหนึ่งซึ่งข้อเท็จจริงโดยสรุปมีอยู่ว่าเจ้าหนี้
 และลูกหนี้เคยเป็นสามีภริยากันในระหว่างอยู่ด้วยกัน ลูกหนี้ (ภริยา)
 ตกลงท�าสัญญากู้ยืมเงินไปจากเจ้าหนี้ (สามี) เป็นเงินจ�านวน     จากค�าพิพากษาดังกล่าวศาลฎีกาได้น�าบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. 2554 มาตรา 8 มาปรับ
 595,000 บาท ตกลงช�าระดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ร้อยละ 1 ต่อเดือน  กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในคดีโดยถือว่าข้อความการสนทนาผ่านเฟซบุ๊กรับฟังได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาปลดหนี้ให้แก่จ�าเลยโดยมีหลักฐานเป็น
 หลังจากท�าสัญญากู้แล้วภายหลังเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้แยกทางกัน  หนังสือแล้ว หนี้ตามสัญญากู้จึงระงับไป
 โดยเจ้าหนี้ได้ติดตามทวงถามให้ลูกหนี้ช�าระหนี้ แต่ลูกหนี้ช�าระดอกเบี้ย
 ให้เจ้าหนี้มาเพียง 4 ครั้ง เป็นเงินจ�านวน 6,550 บาท หลังจากนั้น
 ลูกหนี้ไม่ช�าระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อีก เจ้าหนี้ลูกหนี้ได้ติดตามทวงถามหนี้สิน  ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก:
 กันโดยมีการตอบโต้กันผ่านทางเฟซบุ๊ก และเจ้าหนี้ได้ส่งข้อความไป  (1) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
 ถึงลูกหนี้ตอนหนึ่งว่า “เงินทั้งหมด 670,000 บำท ไม่ต้องส่งคืนให้แล้ว  (2) พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2554
 ยกให้หมดไม่ต้องส่งดอกอะไรมำให้ จะได้ไม่ต้องมีภำระหนี้สินติดตัว”  (3) ศาลฎีกา : https://www.deka.supremecourt.or.th
 ในท�านองยกหนี้ให้ทั้งหมด  (4) สารพันกฎหมายกับทนายแดง, 507.ปลดหนี้ทางเฟสบุ๊ค :  https://th-th.facebook.com/106750649518993/posts/785883324939052




 20 |  I-TEL                                                                                          I-TEL |        21
   18   19   20   21   22   23   24