Page 24 - E-MAGAZINE_VOL_49
P. 24
I - Law | กองบรรณาธิการ
การกู้ยืมเงินผ่านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
การท�านิติกรรมหรือสัญญาใดๆ เพื่อก่อนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในสังคมปัจจุบันล้วนเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและ
เมื่อนิติสัมพันธ์ในทางนิติกรรมเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือสิทธิและหน้าที่ของคู่กรณีที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข
ตามที่ตกลงกัน หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดเงื่อนไขหรือผิดสัญญาที่ให้ไว้ก็อาจเป็นต้นเหตุของการขัดแย้งและน�าไปสู่ข้อพิพาท
ฟ้องร้องด�าเนินคดีตามมา ในแต่ละครั้งอยู่ด้วยแสดงว่ำจ�ำเลยสมัครใจกู้ยืมเงินจำกโจทก์ จากค�าพิพากษาดังกล่าวจะเห็นได้ว่าศาลฎีกาท่านได้น�า
ตำมเงื่อนไขที่โจทก์ก�ำหนดกรณีดังกล่ำวถือเป็นธุรกรรมในทำงแพ่ง บทบัญญัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
และพำณิชย์ที่ด�ำเนินกำรโดยใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตำมพระรำช พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาปรับกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
บัญญัติว่ำด้วยธุรกรรมทำงอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 มำตรำ 4 ในสังคมปัจจุบัน และเป็นการอุดช่องว่างของกฎหมายเพื่อให้เกิด
มีผลใช้บังคับตำมมำตรำ 7 ซึ่งบัญญัติว่ำห้ำมมิให้ปฏิเสธควำมมีผล ความเป็นธรรมกับโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายที่ต้องเสียหายจากการผิดเงื่อนไข
ผูกพันและกำรบังคับใช้ทำงกฎหมำยของข้อควำมใดเพียงเพรำะ หรือผิดสัญญาของจ�าเลย
เหตุที่ข้อควำมนั้นอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ประกอบกับ
มำตรำ 8 วรรคหนึ่งบัญญัติว่ำภำยใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมำตรำ 9
ในกรณีที่กฎหมำยก�ำหนดให้กำรใดต้องท�ำเป็นหนังสือมีหลักฐำน
เป็นหนังสือหรือมีเอกสำรมำแสดงถ้ำได้มีกำรจัดท�ำข้อควำมขึ้น
เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สำมำรถเข้ำถึงและน�ำกลับมำใช้ได้โดย
ควำมหมำยไม่เปลี่ยนแปลงให้ถือว่ำข้อควำมนั้นได้ท�ำเป็นหนังสือ
มีหลักฐำนเป็นหนังสือหรือมีเอกสำรมำแสดงแล้วและมำตรำ 9
บัญญัติว่ำในกรณีที่บุคคลพึงลงลำยมือชื่อในหนังสือให้ถือว่ำ
ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีกำรลงลำยมือชื่อแล้วถ้ำ (1) ใช้วิธีกำรที่
สำมำรถระบุตัวเจ้ำของลำยมือชื่อและสำมำรถแสดงได้ว่ำเจ้ำของ
ลำยมือชื่อรับรองข้อควำมในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นว่ำเป็นของตน...
เมื่อโจทก์มีมำแสดงประกอบใบคู่มือกำรใช้บริกำรอันเป็นหลักฐำน
ข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญากู้ยืมเงินเป็นคดีอีกประเภทหนึ่ง ที่รับฟังได้ตำมพระรำชบัญญัติว่ำด้วยธุรกรรมทำงอิเล็กทรอนิกส์
ที่คู่กรณีน�าคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอยู่เป็นประจ�าและมีจ�านวนมาก ส�าหรับบทความฉบับนี้จึงขอน�าเสนอคดีที่เกิดขึ้นจริง พ.ศ. 2544 กำรที่จ�ำเลยน�ำบัตรกดเงินสดควิกแคชไปถอนเงินและ
อีกทั้งยังมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นหากเรามองอย่างผิวเผินก็อาจจะ โดยโจทก์ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อและจ�าเลย ส่งรหัสส่วนตัวเสมือนลงลำยมือชื่อตนเองท�ำรำยกำรถอนเงินตำม
เห็นว่าเป็นคดีเล็กน้อย หรือคดีที่ไม่มีข้อยุ่งยาก แต่ในแท้ที่จริงแล้ว ผู้ถูกฟ้องซึ่งเป็นลูกค้าหรือผู้ใช้บริการสินเชื่อซึ่งคดีนี้ได้ด�าเนินกระบวน ที่จ�ำเลยประสงค์และกดยืนยันท�ำรำยกำรพร้อมรับเงินสดและสลิป
คดีกู้ยืมเงินนั้นเป็นคดีที่มีความส�าคัญ และมีปัญหาในทางปฏิบัติ พิจารณามาจนถึงชั้นศาลฎีกา จนในที่สุดศาลฎีกาท่านได้วินิจฉัย กำรกระท�ำดังกล่ำวจึงถือเป็นหลักฐำนกำรกู้ยืมเงินจำกโจทก์ประกอบ
อีกทั้งในสังคมปัจจุบันการท�าธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ล้วน ประเด็นปัญหาตามที่กล่าวไว้ข้างต้นไว้นัยค�าพิพากษาศาลฎีกาที่ ทั้งจ�ำเลยมีกำรขอขยำยระยะเวลำผ่อนช�ำระหนี้สินเชื่อเงินสดควิกแคช
เป็นสิ่งที่จ�าเป็นในชีวิตประจ�าวัน ด้วยเหตุนี้เองจึงมีประเด็นปัญหา 8089/2556 โดยศาลฎีกาได้น�าพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทาง ที่จ�ำเลยค้ำงช�ำระแก่โจทก์รวม 11 รำยกำรโจทก์มีเอกสำรซึ่ง
ในทางกฎหมายว่าหากมีผู้น�าบัตรกดเงินสดที่ธนาคารหรือผู้ให้บริการ อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2554 มาปรับกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในคดีมี มีข้อควำมชัดว่ำจ�ำเลยรับว่ำเป็นหนี้โจทก์ขอขยำยเวลำช�ำระหนี้
สินเชื่อออกและอนุมัติวงเงินให้ไปกดเงินสดที่เครื่องเบิกถอนเงิน รายละเอียดค�าพิพากษาโดยย่อดังนี้ โดยจ�ำเลยลงลำยมือชื่อท้ำยเอกสำรมำแสดงจึงรับฟังเป็นหลักฐำน
อัตโนมัติ (ตู้ ATM) จะถือว่ามีหลักฐานการกู้ยืมและลงลายมือชื่อของ แห่งกำรกู้ยืมได้อีกโสดหนึ่งโจทก์จึงมีอ�ำนำจฟ้อง”
ผู้กดเงินสดที่ธนาคารหรือผู้ให้บริการสินเชื่อซึ่งเป็นเจ้าหนี้สามารถ ค�ำพิพำกษำย่อ
ใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องด�าเนินคดีได้หรือไม่เพราะตามประมวล ศำลฎีกำวินิจฉัยว่ำมีปัญหำต้องวินิจฉัยตำมฎีกำของจ�ำเลย 1 ศาลฎีกาเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุด มีเขตอ�านาจทั่วทั้งราชอาณาจักร มีอ�านาจพิจารณาพิพากษาบรรดาคดีที่อุทธรณ์ค�าพิพากษาหรือค�าสั่งของศาลอุทธรณ์และ
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 บัญญัติว่า ประกำรแรกว่ำกำรเบิกเงินสดจำกเครื่องเบิกถอนเงินอัตโนมัติ ศาลอุทธรณ์ภาค ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วยการฎีกา และมีอ�านาจพิจารณาพิพากษาคดีที่อุทธรณ์ค�าพิพากษาหรือค�าสั่งที่กฎหมายอื่นบัญญัติให้ศาลฎีกา
ของจ�ำเลยเป็นกำรกู้ยืมที่ไม่มีหลักฐำนกำรกู้ยืมอันจะท�ำให้โจทก์ มีอ�านาจพิจารณาพิพากษา รวมทั้งมีอ�านาจวินิจฉัยชี้ขาดหรือสั่งค�าร้องค�าขอที่ยื่นต่อศาลฎีกาตามกฎหมาย (พระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23) ค�าสั่งหรือค�าพิพากษา
ของศาลฎีกาเป็นที่สุด (พระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23)
“การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้นถ้ามิได้มีหลักฐาน ไม่มีอ�ำนำจฟ้องหรือไม่เห็นว่ำเมื่อจ�ำเลยน�ำบัตรกดเงินสดดังกล่ำว
แห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็น ไปใช้เบิกถอนเงินสดรวม 8 ครั้ง ซึ่งกำรถอนเงินสดดังกล่ำวจ�ำเลย ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก:
ส�าคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่” จะต้องท�ำตำมขั้นตอนที่ระบุในคู่มือกำรใช้บริกำรต้องใส่รหัสผ่ำน (1) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(2) พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2554
“ในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้นท่านว่าจะน�าสืบ 4 หลัก เลือกรำยกำรถอนเงินจำกบัญชีสินเชื่อเงินสดเลือกระยะเวลำ (3) อนุชาติ คงมาลัย “กู้ยืมเงินทางเครื่องอิเล็กทรอนิกส์” บทความ ส�านักงานอัยการสูงสุด : http://www.ago.go.th/articles_61/anuchart_170561.pdf
การใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง กำรผ่อนช�ำระ 6 ถึง 36 เดือนระบุจ�ำนวนเงินที่ต้องกำร (5,000 ถึง (4) ศาลฎีกา : https://www.deka.supremecourt.or.th/printing/deka
ลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่ง 20,000 บำทต่อรำยกำร) และรับเงินสดพร้อมสลิปไว้เป็นหลักฐำน (5) วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, ศาลฎีกา : https://www.th.wikipedia.org/wiki/ศาลฎีกา
(6) ส�านักงานกฎหมายณัฐวุฒิ อักษร, กู้ยืมเงิน-loan : http://www.natthavudelaw.com/17116539/กู้ยืมเงิน-loan
การกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว” ซึ่งในสลิปจะปรำกฏอัตรำดอกเบี้ยและค่ำธรรมเนียมกำรใช้วงเงิน (7) LINETODAY ธุรกิจ - เศรษฐกิจ, ศาลเชื่อ “ข้อความในระบบไลน์” ให้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินได้ : https://www.today.line.me/th/v2/article/QP8q0j
22 | I-TEL I-TEL | 23